Recent Posts

TEAM

 

TEAM คือ สโลแกน ที่ใช้ในทีมงาน IT ขององค์กรผม ย่อมาจากคำว่า Together Everyone Achieve More คำ ๆ นี้ใช้งานได้จริง ๆ สำหรับทีมงานของผม ด้วยความที่ตัวผมเองไม่ได้รู้ทุกอย่าง ไม่ได้เก่งลึกไปทุกเรื่อง เพราะแก่แล้ว ^__^ ไม่ได้มีพลังงานที่จะไปเรียนรู้ทุกอย่างได้ลึก ๆ เหมือนตอนยังอายุน้อย ๆ

ก็เลยได้ทีมงานช่วยกันแบ่งปันความรู้ ความสามารถให้กับคนอื่น ๆ ในทีมได้ด้วย คนไหนที่เก่งเรื่องไหน ที่อีกคนหรือหลายยังไม่รู้หรือไม่เคยทำ ก็ให้คนที่เก่งช่วยสอนและแบ่งปันความรู้ให้กันได้ ถ้าทุกคนและทุกบริษัททำแบบนี้ได้หมดจะดีมาก ๆ นะครับ

ทำไมผมต้องมาคุยเรื่องนี้ เพราะว่าจากที่ผมได้ประสบพบเจอมา คน IT หลาย ๆ คนชอบเป็นคนที่หวงความรู้ ซึ่งไม่รู้ว่า่จะหวงไว้ทำไม ถ้าคุณเป็น IT Pro ที่มีความเชี่ยวชาญ การสอนให้คน IT ในทีมของคุณเก่งเป็นผู้เชียวชาญด้วย เค้าก็จะสามารถช่วยคุณทำงานในเรื่องเดียวกันได้ด้วย ไม่ใช่คุณที่จะต้องมาทำเรื่องนั้นตลอด ๆ ฝากไว้ครับ

 

สอนคนให้จับปลากินเอง น่าจะดีกว่าที่เราจะต้องคอยจับปลาให้กินตลอด ถ้าเค้าจับปลากินเป็นแล้ว เราก็สามารถนั่งจิบเบียร์ กินปลาไปพร้อม ๆ กันได้ น่าจะดีกว่ามั้ย? 

 

Going up on the Cloud

เมื่อวันพุธ สัปดาห์ก่อน 7 พ.ย. 61 ช่วง 3 ทุ่ม – 4 ทุ่ม ประชุมกับทีมในอเมริกาและแอฟริกาตามปกติ (ทั้งหมด 6 คน รวมผมด้วย)

เนื้อความตอนหนึ่งก็คือ ทางอเมริกา อยากจะให้พวกผมซึ่งเป็น Regional IT Manager ทำงานบริหารโปรเจคมากกว่าที่จะไปทำงาน hands on หรือก็คือให้ลดการลงไปขลุกแก้ปัญหาต่าง ๆ นั่นเอง

ประมาณว่าให้ IT Officer ในประเทศต่าง ๆ ไปทำงานส่วนนี้กันเอง ไม่ต้องให้ถึงมือพวกผมไปลงแรงเอง แนวคิดดีครับ ผมก็ชอบด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำได้จริง หรือได้เร็วแค่ไหน คงต้องประชุมวางแผนการกระจายงานกันอีกหลายรอบ…

#บนท้องฟ้ารถไม่ติด แต่ #ยิ่งสูงยิ่งหนาว เหมือนกันนะ #NoTrafficOnTheSky for #ITPro #iamSK

 

 

Apologize…

วันพฤหัส ทุก ๆ 2 อาทิตย์ ผมจะมีประชุมกับเจ้านายผมที่อยู่ในอเมริกา ช่วงเวลาสาย ๆ ซึ่งก็จะเกือบ 5 ทุ่มทางโน้นแล้ว แล้วเมื่อวาน คิดว่าเจ้านายผมลืม หรือง่วงจนหลับไปก่อน เลยไม่ได้ประชุมกันเหมือนปกติ
.
แล้วตอนเย็น ๆ เมื่อวาน (วันพฤหัส) ซึ่งก็คือเวลาเช้าแล้วของทางอเมริกา เค้าส่งเมล์มา Apologize ที่เค้าลืมไม่ได้ประชุมกับผม…… *ประเด็นผมก็คือ ถ้าเป็นเจ้านายแบบไทย ๆ ก็คง อ๋อ ลืมประชุมกับลูกน้องนิดหน่อย เราเป็นเจ้านายไม่เป็นอะไรหรอก
.
ผมเคยบอกเสมอ ๆ ว่า การขอโทษ ไม่เห็นจะเสียหน้าเลย ไม่ว่าเราจะเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่กว่าคนที่เราขอโทษด้วย ดูแมนมาก ๆ เสียด้วยซ้ำ ลอง ๆ ทำกันดูนะครับ พูดขอโทษ ไม่ว่าคุณกับลูกน้อง กับเจ้านาย หรือกับเพื่อนร่วมงาน สร้างความเป็นมืออาชีพ (Professional) ให้กับตัวคุณเอง

via: FB Post

3 minutes presentation

TGIFT (Thanks God It’s Friday, Tomorrow) คือชื่อของการประชุมประจำเดือนของที่ออฟฟิศ ที่จะมีช่วง One-Slide, One-Unit ที่เปิดโอกาสให้แต่ละแผนก update งานให้ทุกคนได้ฟัง แต่จะต้องมีแค่ Slide เดียว และจำกัดเวลาแค่ 3 นาที
.
ผมในฐานะของแผนก IT ก็ขอเล่นเด้วย แต่ผมจะไม่มี Slide นะครับ =^–^=
.
TGIFT (Thanks God It’s Friday, Tomorrow) is what we named our monthly meeting. There is a section called “One-Slide, One-Unit. That’s let each department present their update to the rest of the company. With a limited of 1 slide and must be 3 minutes only.
.
As part of IT Team, I will do it too ,but no Slide. =^–^=

via: FB Post

Be Different

What ever you do, in any careers. You should be different, and outstanding. Otherwise, you will be just like them and never be at the top. You don’t want to be those “brown straw”, don’t you? #Professional #Careers

ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณก็ควรที่จะแตกต่างและโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ไม่เช่นนั้นคุณก็จะหาความก้าวหน้าไม่ได้ คุณคงไม่อยากเป็นพวกหลอดสีน้ำตาลเนอะ

-iamSK

My professional profile: www.linkedin.com/in/iamsk

via: FB Post

Running Late…

#โหมดปิดเทอม #ตื่นสายนิดหน่อย

เช้านี้มาถึงที่ตึกที่ทำงาน 8:40 เข้าไปแล้ว เดินสวนกับพี่แม่บ้านในตึกคนนึง ที่เคยคุยกันบ้าง พี่เค้าทักทาย

พี่แม่บ้าน: หัวแต่มาติจ้า…
ผม: แม่นครับ

พี่เค้าคงงง ไอ้บ้านี่มาสายแล้วยังเดินสบาย ๆ ไม่รีบเหรอ คืออย่างนี้ครับ ที่ทำงานผมไม่มีการตอกบัตร ซึ่งผมก็คิดว่าไม่จำเป็น การทำงานควรมีความรับผิดชอบได้เอง รู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่ต้องเอาเรื่องการตอกบัตรมาเป็นประเด็นบังคับ วันไหนมีประชุมเช้า ผมก็มาเช้ามาก ๆ ผมทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวันมานานแล้ว ประชุมเย็นและดึกก็บ่อย

*ช่วงเปิดเทอม ผมจะถึงออฟฟิศก่อน 8 โมงทุกวัน
**ผมไมเ่คยรีบกับการตอกบัตร แม้ว่าที่ทำงานเก่า สมัยทำงานใหม่ ๆ ผมตอกตัวแดงเยอะมาก ไม่เคยสนใจ เพราะว่าเค้ารู้ว่าเราทำงานหนักแค่ไหน ไม่เคยโดนหักเงินเดือนนะครับ
*** จำได้ว่าน้องที่ทำงานเก่า ใกล้ ๆ 8:30 เค้าจะวิ่งทุกวันเพื่อให้ตอกบัตรให้ทัน ผมปล่อยให้เค้าวิ่งแซงไปที่เครื่องตอกบัตรเลย ผมเดินชิว ๆ แล้วค่อย ๆ ตอกบัตรลงไป อ้าวแดงอีกแล้ว เจ๋งดี 555

 

via: FB Post

There is no traffic on the sky

I’m an IT guy, one may called a “Techies”. Has been doing IT for living for a long time, since 1994. Moving up and attached “Manager” to the titles for years. Like many others IT guy I was started as a junior and don’t know what to do in life. Learning more and more each day. Dealing with issue from the inside, partners, customers and so on. I never know that I could be a “Manager” one day, really never thought about it.

For a few years that I was on private sector side. Suddenly, an International NGO called and leave me a message for an Interview (an NGO name was AVSC International, later changed to EngenderHealth). An marketer who got me a message said “a company name something like KFC called you, asked you to call back”. I was like…. What???? I don’t need a Chicken 🙂

Called them back on the same day. Set a dates for an Interview. The Interview was with a BIG group of Interviewee, like 7 people. The 4 of them was an American at a different level from Regional Director to a very senior program staff. One of them was my direct supervisor flew from New York City. Went through a series of Interview, they’ve got me. So, November 1998 I finally moved from Private Sector to an NGO. Since then I never move back.

The point of this post is all about your life goals. You may started like me, don’t know what you want in life. That is totally wrong, you need to have a goals of your life. Where or which direction you want to be. If you’re a programmer, you want to be a system analyst, a project manager? If you are a network guy, you want to be the head of Network Operation? Anything, just aim high.

If you’re always down-below. You will have lots, and lots of competitor in your career. If you never look up and try to be there. You will end-up like stuck in a traffic. Can’t move around, stuck with the same salary or very little increase. Finally, you’re getting old too. When you’re getting old you will be lazy and less proactive. Your salary is high due to years of services. The company will try to kick you out, replaced with a junior IT which is cheap and not lazy.

No-Traffice-On-The-Sky

You need to move up, to a bigger position. How to do? There is no key of success.  You’ve to figure it out. If you think that you’re expert in installing Windows and that is good enough? You will have no move, if someone else also do but better.

“There is no traffic on the sky”.

 

Goodbye iPass

ตั้งแต่ที่ผมได้เปลี่ยนมาเริ่มทำงานกับ NGO ข้ามชาติจากอเมริกาในปี 2541 ได้มาเป็นคน IT กาก ๆ ดูแลระบบ IT ขององค์กรในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้บังเอิญต้องเดินทางไปต่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ่อย ๆ (รวมถึงตะวันออกใกล้ด้วย เช่น จอร์แดน, อาเซอร์ไบจาน) ช่วงแรก ๆ ของการทำงานเดินทางบ่อยมาก เกือบจะทุกเดือน และการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของชีวิต ได้ไปไกลถึงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา

ด้วยความที่จะต้องเดินทาง และต้องเชื่อมต่อกับ Internet ที่ทำงานก็แสนดี มีบริการเสริมดี ๆ อย่าง iPass ให้ใช้งานด้วย ซึ่งเจ้า iPass นี่ก็คือบริการที่รวบรวมเบอร์โทรฯ สำหรับต่อ Internet ในสมัยที่ยังเป็นแบบ dial-up ทั้งหมด เพราะว่าเวลาเราไปยังประเทศที่เราไม่คุ้นเคย และไม่มีบัญชีผู้ใช้ Internet ท้องถิ่นที่เราสามารถใช้งานได้ จึงต้องใช้บริการ Software iPass ที่จะรวบรวมเบอร์ต่อ Internet ต่าง ๆ เอาไว้ให้เลือกใช้งาน

ค่าบริการนั้นไม่ถูกนะครับ iPass จะคิดค่าบริการเป็นชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น เมือง Kathmandu (เขียนเป็นภาษาไทยไม่ถูก ขออภัย) ประเทศเนปาล เบอร์ต่อ Internet ที่รวบรวมมาให้มีความเร็วสูงสุดแค่ 28.8Kbps (อ่านไม่ผิดหรอก Kbps) แต่คิดค่าบริการชั่วโมงละ $13 ใช่แล้ว $13 ต่อชั่วโมง กับความเร็วจิ๊ด ๆ 28.8Kbps เท่านั้น

แล้วผมจ่ายเงินยังไง? ผมไม่ต้องจ่ายสักบาท เพราะชื่อ login ที่ใช้คืออีเมล์ขององค์กร ที่ผูก AD (Active Directory) เข้ากับระบบของ iPass ซึ่งจะส่งใบเรียกเก็บเงินไปที่ยานแม่ในนิวยอร์ค แล้วก็หักบัญชีกันภายในว่าใครเป็นคนใช้งาน และใช้ไปกี่ชั่วโมง

ผมใช้ iPass เรื่อยมา แต่จำไม่ได้ว่าใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อใด และที่ไหน

แล้วโลกก็เปลี่ยนไป หลาย ๆ ปีมานี้ การมาถึงของ WiFi ที่มีให้ใช้งานกันอย่างดาษดื่น และหลาย ๆ ประเทศก็มี WiFi ลอยมาให้ใช้งานกันอย่างฟรี ๆ ทั้งที่โรงแรม, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งสนามบิน (ยกเว้นสนามบินประเทศสารขันต์ประเทศหนึ่ง ที่มีชื่อสนามบินคล้าย ๆ กับคำว่า “แผ่นดินทอง”) ความเปลี่ยนแปลงนี้เองทำให้ NGO ที่ผมทำงานอยู่ (เป็น NGO ที่ 2 กับงาน IT เหมือนกัน) ตัดสินใจแล้วว่าจะยกเลิกบริการ iPass ทั้งหมด เพราะปีที่แล้วมีผู้ใช้งานน้อยมาก แต่ยังต้องเสียบริการรายเดือนเพื่อรักษาสัญญากับ iPass เอาไว้เป็นจำนวนเงินเกือบ $7,000 ซึ่งแพงมาก ๆ

ผมจึงได้มาบอกลา iPass เจ้าเพื่อนยากที่รู้จักกันมาตั้ง 14 ปี…. ลาก่อน iPass

copy from FB Post