Recent Posts

iOS/iPadOS 14.5 is out, Update now

iOS/iPadOS 14.5 ออกแล้วนะครับ ควร update อย่างยิ่ง เราสามารถไม่ให้ App ต่าง ๆ Track เราได้ โดยเฉพาะ Facebook

วิธีการปิด Tracking

  • เข้า Settings
  • Privacy
  • Tracking
  • “Allow Apps to Request to Track” ปิดมันซะ (ตามรูปข้างล่างนี้)

เพียงเท่านี้ เท่านี้ App ต่าง ๆ ก็ไม่สามารถ Track ตามติดการใช้งานของคุณได้ โดยเฉพาะการเอาโฆษณามายัดเยียดให้ตามสิ่งหรือเรื่องราวที่คุณเปิดดู (จะเห็นชัดมากโดยเฉพาะกับ Facebook) ใครยังไม่ update ไม่ต้องรอช้าครับ ดีกว่าแน่นอน

ดูวีดีโอข้างล่าง เพื่อความเข้าใจว่าทำไม ข้อมูลการใช้งาน App ของคุณ ควรเป็นของคุณเท่านั้น ไม่ควรให้คนพัฒนา App เอาไปขายต่อ

Privacy | App Tracking Transparency | Apple

iOS/iPadOS 14.6 Developer Beta 1

Apple เพิ่งจะปล่อย iOS 14.5 Golden Master ไปเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021 ที่ผ่านมาสำหรับ Developer (ผู้ใช้ทั่วไปจะได้ใช้กันในวันที่ 28 เมษายน 2021)

แต่แล้ววันนี้ 23 เมษายน 2021 Apple ก็ได้ปล่อย iOS 14.6 Developer Beta 1 ออกมาอีก (ผมยังไม่มีข้อมูลหรือเห็นความแตกต่างว่ามีอะไรใหม่) ซึ่งในหน้า Software Update ใน iPhone พบว่าเครื่อง iPhone (หรือ iPad) ที่ติดตั้ง iOS/iPadOS Developer profile เอาไว้ จะสามารถใช้ iOS 14.5 ต่อไปก็ได้ หรือว่า่จะเลือกไป update ไปเป็น iOS 14.6 Developer Beta ก็ได้ โดยได้มีการเพิ่มเมนูให้ update 14.6 ได้ที่ด้านล่างของจอ ตามภาพข้างล่างนี้

ผมไม่รอช้าครับ update iOS 14.6 Developer Beta 1 ไปโลด ถ้าพบว่ามีอะไรใหม่ที่น่าสนใจ จะมาแจ้งให้ทราบต่อไปครับ



Timeline and Privacy

ช่วงนี้ ต้นเดือนเมษายน 2021 #Covid19 ระบาดหนักเป็นรอบที่ 3 และมีการพูดถึงเรื่อง Timeline ของผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อแล้วหลาย ๆ คน ทั้งดารา นักร้อง คนดัง รวมไปถึงนักการเมือง ส่วนใหญ่ก็ยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลอยู่แล้วว่าไปไหนมาบ้าง แต่ก็มีบ้างที่ไม่ยอมเปิดเผย เพราะอาจจะไปอยู่ในที่อโคจรแถว ๆ ซอยทองหล่อ ตามที่เป็นข่าว ก็เลยต้องปกปิดกันไป

และเนื่องจากเรื่อง Timeline นี่เอง ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ใช้ Google Maps บน Smartphone อาจจะไม่รู้ว่า ตัวระบบมันจะบันทึก Timeline ในรูปแบบของสถานที่ที่คุณเดินทางไป ในระหว่างการใช้งาน Google Maps ในการนำทาง ซึ่งค่าโดยปริยาย (Default) นั้นจะเปิด (On) เอาไว้

แต่ผมเลือกที่จะปิดมัน ไม่ให้ Google บันทึกสถานที่ที่ผมเดินทางไป สาเหตุหลักก็เพราะว่าไม่อยากให้ Google เอาข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับการเดินทางของผม ไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจของเค้าในด้านต่าง ๆ อย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่ และผมมองว่ามันคือการละเมิดความเป็นส่วนตัว (Privacy) ที่ทำไมจะต้องอนุญาตให้ใครก็ไม่รู้มารู้ว่าเราไหนบ้าง

ผมก็เลยเลือกที่จะปิดมันเอาไว้ตลอดตามรูปข้างล่างนี้ ซึ่งคุณก็สามารถเลือกที่จะปิดมันได้เหมือนกับผมด้วยวิธีการง่าย ๆ

  1. เข้า App Google Maps บน iPhone หรือ Android ของคุณ
  2. กดที่ account ของคุณทีมุมบนขวา แล้วเลือกเมนู “Your Timeline”
  3. ถ้ามันเปิดอยู่ (On) ก็เปลี่ยนเป็น ปิด (Off) มันซะ
  4. เท่านี้ก็เรียบร้อย

* การเข้าถึงเมนูนี้อาจจะแตกต่างกันในแต่ละ OS หรือเครื่อง Smartphone ที่คุณใช้

อย่างไรก็ตาม บางท่านอาจจะทำอาชีพที่ต้องใช้แผนที่ในการทำงาน เช่น พนักงานส่งของที่เรียกว่า Rider หรือพนักงานขับรถบริการแท๊กซี่ ก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องเปิด Timeline เอาไว้ เพื่อช่วยเหลือในการค้นหาเส้นทางและทำมาหากิน

Google Maps

ลองดูนะครับ เผื่อว่าจะมีคนคิดเหมือนผมบ้าง Google ได้ข้อมูลของเรามาเกินไปแล้ว อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องให้เค้าก็น่าจะดีกว่า และขอให้ทุกท่านปลอดภัย ปลอดโรค

* ผมนั้นใช้ iPhone แต่ก็ไม่ได้ใช้ Apple Maps ที่ติดมากับตัว iOS ที่แน่นอนว่าปลอดภัยกว่า ไม่โดนล้วงข้อมูลใด ๆ แต่เพราะตำแหน่งหรือสถานที่ต่าง ๆ ในไทยของ Apple Maps ยังไม่พร้อมหรือยังไม่เยอะมาก บางครั้งหาอะไรไม่ค่อยจะเจอ ก็เลยยังใช้ Google Maps อยู่

OneDrive Update: January 2019

OneDrive Software ได้มีการ update ความสามารถใหม่เป็นระยะ ๆ และสำหรับเดือนมกราคม 2562 มีรายการ update 2 อย่างดังนี้

  • Files On-Demand สำหรับ OneDrive ของ MacOS จะเริ่ม update ในเดือนนี้ (คลิก เพื่ออ่านบทความเก่า เกี่ยวกับ Windows Storage Sense กับ OneDrive File On-Demand) OneDrive File On-Demand จะช่วยให้คุณสามารถเรียกใช้ไฟล์ของคุณจาก OneDrive ได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บไฟล์นั้นเอาไว้ในเครื่องฯ ของคุณ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากในกรณีที่พื้นที่ฮาร์ดดิสค์ (หรือ SSD) ของเครื่องของคุณมีพื้นที่ว่างไม่มาก และ/หรือน้อยกว่าพื้นที่ของไฟล์ที่เก็บไว้ใน OneDrive คุณจะยังเห็นไฟล์ทั้งหมดของคุณ แต่จะไม่ได้เก็บไฟล์นั้น ๆ เอาไว้ในเครื่องฯ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดใช้งานไฟล์นั้น ๆ OneDrive ถึงจะเริ่มดาวน์โหลดไฟล์นั้นมาแล้วเปิดให้คุณใช้งานได้ตามปกติ เมื่อทำงานเสร็จแล้วหรือบันทึกไฟล์ ก็จะทำการบันทึกกลับไปที่ OneDrive ที่อยู่บน Cloud ให้โดยอัตโนมัติ

File On-Demand สำหรับ MacOS Mojave จะถูกเปิดเป็นค่าปริยาย (Default) เมื่อได้รับการ update แล้ว ซึ่งถ้าผู้ใช้ต้องการปิดการใช้งาน File On-Demand ก็สามารถทำได้ ผู้ใช้ MacOS จะได้รับการ update ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 เป็นต้นไป*

*MacOS จะต้องเป็นเวอร์ชัน 10.4.12 หรือสูงกว่า และ OneDrive เวอร์ชัน 18.240.1202.0001 หรือสูงกว่า

ข้อด้อยข้อเดียวของการใช้ OneDrive File On-Demand ก็คือคุณจะต้องเชื่อมต่อกับ Internet ตลอดเวลา จึงจะเปิดไฟล์ที่ไม่ได้อยู่ในเครื่องฯ ของคุณได้ แต่ในยุค 4.0 แบบนี้ เราคงจะไม่ค่อยมีปัญหานี้กันอีกต่อไป ผู้ใช้คงสามารถเชื่อมต่อ Internet ได้จากทุก ๆ ที่อยู่แล้ว

 

  • OneDrive Mass Delete Prompt (จะเริ่ม update เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป) ในกรณีที่ผู้ใช้ทำการลบไฟล์จาก OneDrive หรือ SharePoint พร้อม ๆ กัน เป็นจำนวน 200 ไฟล์ขึ้นไป โปรแกรม OneDrive จะทำการเตือนและขอให้ผู้ใช้ทำการยืนยันที่จะลบไฟล์เหล่านั้นทิ้ง ซึ่งถ้ายืนยันก็ให้คลิก “Remove” หรือถ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะลบไฟล์เหล่านั้นทิ้ง ก็จะสามารถคลิก “Restore Files” เพื่อเรียกคืนไฟล์เหล่านั้นกลับมาได้ และถ้าคุณไม่ต้องการให้ OneDrive ถามทุกครั้งที่คุณลบไฟล์จำนวนมาก ๆ พร้อม ๆ กัน ก็ให้คลิกที่ตัวเลือก “Always remove files” ทำให้ในครั้งต่อ ๆ ไปจะไม่มีการถามยืนยัน **ซึ่งไม่แนะนำให้ทำเช่นนี้ เพื่อป้องกันการลบไฟล์ผิด)

 

ที่มา: Microsoft OneDrive Blog

 

ผู้คนสมัยนี้ไม่รู้จักคำว่า “ขอบคุณ” กันแล้ว

มีคนที่ไม่รู้จักผม แต่อาจจะเคยอ่านบทความที่ผมเขียนเอาไว้ เรื่องที่เกี่ยวกับ iOS หรือ iPhone บนเว็บกาก ๆ ของผม แล้วเค้าก็ส่งเมล์มาถามว่าจะทำยังไงถ้าลืม Apple ID และเปิดเครื่องไม่ได้ ผมก็แนะนำให้ติดต่อไปที่ Apple Support ที่ Singapore พร้อมแนบเบอร์โทรฯ ไปให้ด้วย

 

 
แล้วเค้าก็เมล์กลับมาถามเพิ่มเติมว่า ทาง Apple Support จะถามคำถามอะไรเค้าบ้างเพื่อยืนยันตัวตนเค้า ผมก็ตอบไป

 


ระหว่างการตอบเมล์ไปมา 2 ฉบับ ไม่มีคำขอบคุณออกมาจากอีกฝ่ายแม้แต่คำเดียว แล้วเมล์ที่ส่งมาก็ห้วน ๆ ใส่คำถามมาใน Subject ไม่มีเนื้อความใน Body ของอีเมล์ คำทักทาย สวัสดีคะ สักคำก็ไม่มี (รู้ว่าเป็นผู้หญิงจากคำว่า คะ Subject ที่เขียนมา) *จะเห็นว่าผมก็ไม่ได้ใช้คำทักทายเค้าเหมือนกัน ก็ทำไมหล่ะครับ ในเมื่อเค้าคือคนที่มาขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ใส่ใจที่จะใช้คำทักทาย แล้วทำไมต้องทักทายเค้าครับ


จนผมตอบกลับไปแล้ว ก็ไม่มีส่งเมล์กลับมา “ขอบคุณ” เลย ผู้คนสมัยนี้แปลกนะครับ
#สันดาน เสียหายกันไปหมดแล้ว เค้าลืมไปหรือปล่าวว่าผมไม่ได้ทำงานที่ Apple และเสียเวลาส่วนตัว, เสียค่าไฟ, เสียค่า Internet ตอบคำถามให้ฟรี ๆ


แค่พูด(หรือเขียน) คำว่า “ขอบคุณ” แล้วตอบเมล์กลับมา นี่มันยากตรงไหนวะ 

Apple NDA: iPhone X and Apple Park

เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ประมาณวันที่ 25 ตุลาคม 2017 ก่อนการเปิดให้จอง iPhone X อย่างเป็นทางการ Vlogger สาวชื่อ Brooke Peterson (Vlogger = Video Blogger) ได้โพสวีดีโอส่วนตัว ที่เป็นการช๊อปปิ้งกับแม่ แล้วไปหาพ่อที่ที่ทำงาน ที่เป็นสำนักงานใหญ่ของ Apple ใน Cupertino ซึ่งก็ดู ๆ ว่าเป็นวีดีการสนุก ๆ ธรรมดา ที่มีบรรยากาศตามนี้

วีดีโอของเธอถ่ายเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2017: วีดีโอของเธอก็เป็นการถ่ายตัวเองเดินช๊อปปิ้งกับแม่ของเธอ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ แล้วสุดท้ายก็เดินทางไปสำนักงานใหญ่ Apple เพื่อไปหาคุณพ่อของเธอ เจอพ่อระหว่างทาง เธอแนะนำว่าพ่อของเธอทำงานที่ Apple มีภาพบรรยากาศภายใน Apple และพ่อของเธอก็พูดถึงเรื่องสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ที่ชื่อ Apple Park เดินคุยกันแล้วแวะไปกินอาหารเย็นที่ Caffè Macs (ร้านอาหารสำหรับพนักงาน Apple) พ่อเธอควัก iPhone X ออกมาใช้ Apple Pay จ่ายค่าอาหาร ซึ่งพนักงานเก็บเงินค่าอาหารถึงกับถามว่าได้ใช้ iPhone X แล้วเหรอ พ่อของเธอก็ตอบว่าใช่ Apple ให้มา (ย้ำอีกทีว่าวีดีโอของเธอถ่ายวันที่ 15 กันยายน 2017) มีการจับภาพไปที่หน้าของพนักงานใน  Caffè Macs ที่เป็นคนเก็บเงินด้วย มีภาพการถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ แล้วก็มีการโชว์การใช้งาน iPhone X นิดหน่อย กินอาหารเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็เดินออกมาจาก Caffè Macs ระหว่างทาง Brooke ก็พูดว่าตรงบริเวณที่นั่งข้างนอกนี้ใช้ถ่ายหนังเรื่อง Jobs มาแล้ว จากนั้นก็ขึ้นรถกลับบ้านจบวีดีโอ

วีดีโอนี้ดังมาก ๆ เพราะว่าเว็บ blog ที่เกี่ยวกับสินค้า Apple เอาไปลงกันอย่างเต็มที่ แล้ว Apple ก็ออกโรง บอกให้ Brooke เอาวีดีโอนี้ออกจาก YouTube รวมไปถึงสำนักข่าวต่าง ๆ ก็โดนหางเลขไปด้วย

แล้วสุดท้ายวันนี้เอง 29 ตุลาคม 2017 มีข่าวออกมาจากวีดีโอใหม่ของเธอ พ่อของเธอโดน Apple ไล่ออกจากงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะ NDA หรือ Non-Disclosure Agreement หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า สัญญาที่พนักงานทำไว้กับ Apple ว่าจะไม่เปิดเผยความลับใด ๆ ของ Apple หรือรวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับสินค้าที่ยังไม่วางจำหน่ายของ Apple

 

ก่อนที่จะเข้าเรื่องที่พ่อของเธอถูกไล่ออกจากงาน ผมขอเล่าย้อนไปเมื่อปี 2007 ตอนที่ Apple เพิ่งเปิดตัว iPhone รุ่นแรก ผมได้เดินทางไปอเมริกาช่วงเดือนพฤศจิกายน 2007 และแวะไปหาพี่คนไทยที่รู้จักกันคนนึง เค้าอาศัยอยู่ในอเมริกามาหลายปี แล้วลูกชายของพี่เค้าทำงานที่ Apple อยู่ในส่วนที่ดูแลการพัฒนา iPhone เช่นกัน เค้าเอา iPhone รุ่นแรกมาให้ผมเล่น เป็นรุ่นความจุ 4GB และตัว iPhone เครื่องนั้นผลิตตั้งแต่ต้นปี 2007 (iPhone รุ่นแรกจะสามารถดูช่วงการผลิตได้จากเลข Serial Number) ซึ่งก็หมายความว่า iPhone เครื่องนั้น ผลิตขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Steve Jobs เปิดตัว iPhone เมื่อเดือนมกราคม 2007 ในงาน Mac World 2007

และที่เด็ดไปยิ่งกว่านั้น iPhone 4GB ตัวนั้น สามารถใช้งานเครือข่ายมือถือใด ๆ ก็ได้ ไม่ล็อคให้ใช้งานได้แค่ AT&T อย่างที่ควรจะเป็น ตอนนั้นเค้าใช้เครือข่าย T-Mobile ผมเองก็ได้ลองเอา Sim จากเมืองไทยของผมใส่เข้าไปก็สามารถใช้งานได้ และผมยังได้คุยกับเค้าเพิ่มเติมถึงวิธีการที่ Apple จะ Lock หรือ Unlocked เครื่อง iPhone นั้นทำงานอย่างไร เป็นระบบที่ทำงานง่าย ๆ เค้าเล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือก และเค้าก็ชวนผมไปที่ Caffè Macs เช่นเดียวกัน เลี้ยงข้าวมือเย็นผมด้วย

แต่ย้อนไปนิดนึงก่อนการพูดคุยกันทั้งหมด เค้าเตือนผมก่อนเลยว่าสิ่งที่คุยกันทั้งหมดห้ามเปิดเผย ห้ามถ่ายรูปเค้า ห้ามเปิดเผยเลข Serial Number ของเครื่อง iPhone ของเค้า (ผมถ่ายรูป iPhone เครื่องนั้นมาด้วย พร้อม Serial Number) ห้ามถ่ายรูปบรรยากาศใน Apple และ Caffè Macs ผมก็รับปากและทำตามนั้นมาตลอดจนถึงปี 2017 นี้ผมก็ยังเก็บไว้เป็นความลับ เพราะตัวเค้าเองก็ต้องเซนต์ NDA กับ Apple เช่นเดียวกัน มีอะไรหลุดไปนิดเดียว Apple สาวถึงตัวเค้าได้ไม่ยาก

 

กลับมาที่เรื่องของ Brooke และพ่อของเธออีกที แน่นอนว่าพ่อของเธอจะต้องเป็นพนักงานระดับสูงคนนึงทีเดียว ที่จะสามารถมี iPhone X ใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2017 (ตามวันที่ในวีดีโอของ Brooke) ซึ่งเป็นเวลาแค่ 3 วันหลังจากที่ Apple มีงานเปิดตัว iPhone X แต่อย่างไรก็ตาม กว่าที่ Brooke จะปล่อยวีดีโอของเธอออกมาก็เป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม ในวันที่ 25 ตุลาคม ก่อนวันเปิดให้จอง iPhone X 2 วัน ซึ่งดู ๆ แล้วก็คล้าย ๆ กับว่า Apple น่าจะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรืออย่างไร ถึงได้ปล่อยให้มีวีดีโอนี้ออกมา เพื่อสร้างกระแสก่อนการเปิดให้จอง iPhone X อย่างเป็นทางการ

แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น พ่อของ Brooke โดน Apple ไล่ออกภายใน 2 วันหลังจากที่วีดีโอนี้เปิดตัวออกมา และดังไปทั่วโลก นี่คือผลพวงของ NDA ที่พ่อของ Brooke ที่ไม่น่าจะเป็นพนักงานระดับล่าง น่าจะเข้าใจดีถึง NDA ที่เค้าเซนต์เอาไว้กับ Apple เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นที่รูักันว่า Apple เป็นบริษัทที่หวงเรื่องความลับของสินค้า(ที่ยังไม่เปิดตัว) และเรื่องราวภายในต่าง ๆ ของ Apple แม้กระทั่งภาพบรรยากาศภายในของ Apple เองก็ไม่ใช่ว่าจะมีการเปิดเผยกันให้เห็นกับคนภายนอกได้

แม้แต่วีดีโอ Keynotes วันเปิดตัว iPhone X ซึ่งในระหว่างการถ่ายทอดสด จะมีภาพบรรยากาศของเหล่านักข่าวเดิินเข้าไปใน Steve Jobs Theater ที่เป็นสถานที่จัดงาน มีภาพบรรยากาศของ Apple Park ที่เป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ด้วย แต่พอ Apple ปล่อยวีดีโอ Keynotes ให้ดาวน์โหลดในภายหลัง กลับตัดภาพบรรยากาศภายใน Apple Park ออกไปจนหมด นี่เป็นการยืนยันได้ว่า Apple นั้นให้ความสำคัญกับความลับของภาพภายในบริษัทมากน้อยเพียงใด

อีกตัวอย่างหนึ่ง ผมได้มีโอกาสแวะไปที่ Apple Store หลายสาขาทั้งในอเมริกา, ฮ่องกง และจีน ทุกครั้งก่อนที่ผมจะถ่ายภาพในร้าน ผมจะถามพนักงานในร้านก่อนว่าถ่ายได้หรือไม่ เค้าก็จะตอบเหมือนกันว่า ถ่ายได้ แต่ห้ามถ่ายเจาะจงไปที่พนักงานโดยตรง ห้ามตั้งใจถ่ายภาพพนักงานระหว่างทำงานหรือคุยกับลูกค้า ถ่ายรวม ๆ แล้วติดพนักงานอยู่ในนั้นไม่เป็นไร ผมก็เคารพกฎนี้โดยดี

สุดท้าย คนที่พลาดเองก็คือพ่อของ Brooke เค้าน่าจะรู้ดีกว่าการที่ให้ลูกสาวถ่ายภาพบรรยากาศภายในของสำนักงานใหญ่ของ Apple ถ่ายติดพนักงาน Caffè Macs และยังคุยกันกับเค้าอีกด้วย เป็นประเด็นหลักที่ทำให้เค้าโดน Apple ไล่ออก ประเด็นเรื่องการเปิดเผย iPhone X นั้นคงเป็นเรื่องรอง เพราะว่าได้มีเว็บต่าง ๆ ที่ได้มีโอกาสสัมผัส iPhone X ในวันเปิดตัว ได้ถ่ายวีดีโอลงเว็บกันมากมายแล้ว และมีประเด็นในเว็บบล๊อคต่างประเทศว่ากันว่าใน Notes ที่ Brooke โชว์ให้ดูมีข้อมูลบางอย่างที่สำคัญที่ห้ามเปิดเผย ผมพยายามดูแล้ว ก็พบว่าวีดีโอของ Brooke นั้นไม่ชัดพอที่จะพออ่านออกว่าเป็น Notes เกี่ยวกับอะไร ประกอบกับ Brooke เองก็ฉลาดพอที่ไม่ได้ปล่อยวีดีโอนี้ตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ถ่ายวีดีโอนี้ (3 วันหลังจาก Apple เปิดตัว iPhone X) ประเด็นเรื่องตกงานเพราะเปิดเผยเรื่อง iPhone X ก็น่าจะตกไป เป็นเรื่องของการเปิดเผยภาพภายในสำนักงานใหญ่ของ Apple เป็นหลัก

สุดท้าย เรื่องนี้เป็นการสอนให้รู้ว่า ความลับต่าง ๆ ขององค์กร ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่ใครก็จะเอามาโพสลงวีดีโอกันได้ การทำการใด ๆ ที่จะเป็นการเปิดเผยข้อมูลความลับของบริษัทหรือองค์กร ควรจะต้องขออนุญาตกับองค์กรหรือบริษัทให้ดี ๆ ตัวอย่างนี้คือตัวอย่างที่ดีนะครับ ฝากไว้…

Link: RedmondPie.com

 

“Hello” the iPhone Turn 10

วันนี้ วันที่ 29 มิถุนายน 2017 เป็นวันที่ iPhone มีอายุครบ 10 ปีพอดี (วันที่เริ่มจำหน่ายวันแรกคือวันที่ 29 มิถุนายน 2007) ซึ่งถ้าเรามานั่งนึกย้อน ๆ ไป ก็จะพบว่า Steve Jobs ได้สร้าง iPhone ให้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในวงการ Smartphone

เนื่องด้วยโอกาสครบรอบ 10 ปีของ iPhone นี้เอง ลองชมวีดีโอบทสัมภาษณ์ของบุคคล 4 คนแรกของโลก ที่ไม่ใช่พนักงานของ Apple ที่มีโอกาสได้สัมผัสและรีวิว iPhone ในปีนั้นกันครับ ลองชม

 

“Happy 10th Birthday, iPhone”

 

 

via: the iphone turns 10

iPhone 8 Screen Protector ?

ผมได้รับเมล์จากผู้ผลิตสินค้าในจีนเจ้าหนึ่ง แจ้งว่านี่คือแผ่นกันรอย (Screen Protector) สำหรับ iPhone 8 ซึ่งดูจากรูปทรงเทียบกับภาพหลุดของ iPhone 8 ที่เห็น ๆ กัน ก็มีความเป็นไปได้ แต่ก็มีจุดของปุ่ม Home เท่านั้นที่มันดูแปลก ๆ ไปสักนิดนึง เนื่องจากข่าวลือต่าง ๆ ว่ากันว่า iPhone 8 จะไม่มีปุ่ม Home แล้ว

กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชม

iOS 10.2 and WatchOS 3.1.1 is here

กลางดึกที่ผ่านมา Apple เพิ่งปล่อยตัว update iOS 10.2 และ WachOS 3.1.1 ตัวเต็มออกมาให้ update กันครับ ซึ่งทุกท่านสามารถ update แบบ OTA กันได้แล้วครับ สำหรับรายการปรับปรุงก็มีดังนี้

OS 10.2 ขอแนะนำคุณสมบัติพิเศษใหม่ๆ รวมทั้งแอพทีวี (เฉพาะภาษาอังกฤษของประเทศสหรัฐเท่านั้น) ประสบการณ์ใหม่แบบหนึ่งเดียวในการเข้าถึงรายการทีวีและภาพยนตร์จากแอพต่างๆ อิโมจิได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความละเอียดและสวยงามมากขึ้น และมีอิโมจิใหม่มากกว่า 100 แบบ รวมทั้งใบหน้าใหม่ อาหารใหม่ สัตว์ใหม่ กีฬาใหม่ และอาชีพใหม่ การอัพเดทนี้ยังประกอบด้วยการปรับปรุงความเสถียรและการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วย (รายละเอียดแบบสมบรูณ์ อ่านได้จากลิงค์ข้างล่าง)

 

ios102

 

 

WatchOS 3.1.1

  • แก้ปัญหาที่อาจทำให้ไม่มีรายชื่อแสดงในแอพข้อความและการแจ้งเตือน
  • แก้ปัญหาที่อาจทำให้ไม่สามารถตอบสนองกับการแจ้งเตือนได้
  • แก้ปัญหาที่อาจทำให้กลไกหน้าปัดหุ้นไม่อัพเดทบนหน้าปัดนาฬิกา
  • แก้ปัญหาที่อาจทำให้วงแหวนกิจกรรมไม่แสดงบนหน้าปัดนาฬิกากิจกรรม
  • แก้ปัญหาที่ทำให้หน้าปัดนาฬิกาอนาล็อกไม่แสดงส่วนกำกับเวลาชั่วโมงและนาทีหลังจากที่เปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิในแอพสภาพอากาศ
  • แก้ปัญหาที่อาจทำให้แอพแผนที่ไม่ปิดหลังจากที่เสร็จสิ้นการนำทาง
  • แก้ปัญหาที่อาจทำให้แสดงวันที่ไม่ถูกต้องในมุมมองเดือนของแอพปฏิทิน

watchos311

 

ข้อมูลเพิมเติม:

 

See you on the 7th

 

เป็นไปตามความคาดหมายครับ Apple ได้เริ่มส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนในอเมริกาเข้าร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่ในวันพุธที่ 7 กันยายน 2559 เวลา 10:00น. (ตามเวลาของอเมริกาฝั่งตะวันตก) ซึ่งจะตรงกับเวลาประมาณเที่ยงคืนของคืนวันที่ 7 กันยายน (หรือเข้าสู่วันที่ 8 กันยายน)

โดยแน่นอนว่าในงานนี้คาดกันว่าจะเป็นการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ที่น่าจะชื่อรุ่น iPhone 7 ตามวันที่ที่แอบบอกใบ้เอาไว้แล้ว และที่เป็นการยืนยันเรื่องชื่อ iPhone 7 อีกเรื่องนึงก็คือ ปกติแล้ว Apple ไม่จัดงานเปิดตัวสินค้าในวันพุธ (ปกติจะจัดวันอังคารเท่านั้น) แต่ครั้งนี้เป็นภาคบังคับ เพราะว่าวันที่ 7 ที่จะตรงกับชื่อรุ่น iPhone 7 นั้นตรงกับวันพุธพอดี ในวันนั้นน่าจะมีการเปิดตัว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่เรา ๆ ได้เห็นภาพและสเป๊คหลุดกันมาตลอดช่วงเวลาหลายเดือน นอกจาก iPhone 7 แล้วก็น่าจะมีการเปิดตัว iOS 10, WatchOS 3 อย่างเป็นทางการ และอาจจะมีข่าวหรือการเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ และ MacBook Pro/Air รุ่นใหม่พร้อม ๆ กันด้วยครับ ในคืนนั้น Apple จะมีการถ่ายทอดสดเช่นเคย แล้วมาชมไปพร้อม ๆ กันครับ

*ในวันนั้นผมจะเดินทางไปประเทศจีนพอดี น่าจะมีอะไร ๆ ดี ๆ มาให้ชมกันนะครับ รอชมกันนะครับ

 

 

iOS 9.3.5 released!


Apple ได้ปล่อย iOS 9.3.5 update ออกมาเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแก้ไขรูรั่วของเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย (Security) ของตัว iOS อยู่ 2-3 อย่าง และแน่นอนก็ได้ปิดกั้นการ Jailbreak iOS 9.3.4 ที่เพิ่งจะประกาศออกมาเมื่อ 1-2 วันที่แล้วอย่างแน่นอน

เนื่องจากว่า update นี้เน้นเรื่องการอุดรูรั่วของระบบการรักษาความปลอดภัย ผมจึงแนะนำให้ทุกท่านที่ใช้ iOS 9.3.4 อยู่ รีบ update กันโดยด่วนครับ สำหรับ iOS 9.3.5 นี้น่าจะเป็น Update ท้าย ๆ ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ iOS 10 ในเดือนหน้า (กันยายน) นี้แล้วนะครับ

 

iOS 10 Developer Beta 7

เมื่อกลางดึกของคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา Apple ได้ปล่อยตัว Update iOS 10 Developer Beta 7 (พร้อม ๆ กับ Public Beta 6) ออกมาให้ update กันอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นเวลาเพียง 4 วันหลังจากปล่อย Developer Beta 6 ออกมาเท่านั้น

ผมเชื่อว่านี่น่าจะเป็น Beta สุดท้ายแล้ว ก่อนที่จะออกตัวเต็มหรือ Golden Master ในอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อความพร้อมสำหรับติดตั้งใน iPhone 7 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะุถุึงนี้ครับ

 

iOS 10 Developer Beta 6 and WatchOS 3 Beta 6 is out

ยิ่งใกล้วันเปิดตัว iPhone ตัวใหม่ ที่คาดว่าจะใช้ชื่อว่า iPhone 7 ทาง Apple ก็เร่งปรับปรุง iOS 10 เพื่อให้ทันที่จะใส่เอาไว้ใน iPhone รุ่นใหม่นั่นเอง และเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา Apple ก็ได้ปล่อย update iOS 10 Developer Beta 6 ออกมาแล้ว (พร้อม ๆ กับ Public Beta 5) ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็น Beta ท้าย ๆ แล้ว ก่อนที่จะเข้าสู่รุ่น Golden Master (GM) ภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้ และเปิดตัวเต็ม ๆ พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 7 นั่นเอง

สิ่งที่ปรับปรุงหรือแก้ไขไปที่เห็นได้ชัดก็คือ แก้ปัญหาการแสดงผลของ iPad ที่จะมีการแสดงผลของ dock (แถวล่างของจดที่แสดง App 4-5 ตัว) ที่จะแสดงสีผิดพลาด หรือกระพริบเวลาหมุนจอไปในมุมต่าง ๆ ใน Beta 6 นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ น่าจะเป็นการแก้ไข Bugs เล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ

 

 

พร้อม ๆ กันนี้ก็ได้ update WatchOS 3 Beta 6 ออกมาด้วยเช่นกัน ทั้ง iOS 10 และ WatchOS 3 สำหรับผู้ใช้ทั่ว ๆ ไป คาดว่าน่าจะได้ใช้งานกันในเดือนกันยายนนี้ครับ รอกันอีกไม่นานแล้วครับ

 

iOS 10 Developer Beta 5 and WatchOS 3 Beta 5 is out

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา Apple ได้ปล่อย update iOS 10 Developer Beta 5 (และ Public Beta 4) พร้อม ๆ กับ WatchOS 3 Beta 5 ให้ update กันแล้วครับ ผมเชื่อว่าคงจะมี Beta อีกสัก 1-2 ตัวเท่านั้น ก่อนที่จะเป็นตัวเต็ม ที่น่าจะเปิดตัวพร้อม ๆ กับ iPhone 7 ในช่วงต้นเดือนกันยายน ตามที่ลือ ๆ กันเอาไว้


สิ่งที่เปลี่ยนไปที่สังเกตุพบสำหรับ iOS 10 Developer Beta 5

Smart Battery Case – iPhone 6 สามารถทำงานร่วมกับ Smart Battery Case ได้แล้ว
Photos – Apple ปรับกรรมวิธีในการคัดแยกใบหน้าในรูปถ่าย (facial recognition) ใหม่ทั้งหมด ซึ่งตัว iOS จะเริ่มต้นตรวจสอบภาพทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อทำการแยกแยะใบหน้า และเราสามารถเพิ่มใบหน้าที่เราต้องการไว้ใน Favorites ได้

Lock sound – เสียงตอนล๊อคเครื่องเปลี่ยนใหม่อีกครั้ง คล้าย ๆ กับเสียงปิดประตู
New Output icon – เปลี่ยนภาพไอคอน (Icon) ที่แสดงใน Control Center ที่เป็นไอคอนสำหรับแสดงให้รู้ว่าจะให้ภาพหรือเสียงไปออกที่ไหน

 


Settings
– Home ได้ถูกลบออกจาก Settings ใน iPhone แต่ยังคงมีอยู่ใน iPad
Widgets – ในหน้า Widgets สามารถแสดงผลข้อมูลได้ครบถ้วนแล้วทั้งใน iPhone/iPad (ใช้การปัดหน้าจอไปทางขวาเพื่อแสดง Widgets)

 

 

iOS 9.3.4 is out

Apple เพิ่งปล่อยตัว update iOS 9.3.4 ออกมาเมื่อคืน คาดว่าน่าจะเป็น Update สุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ iOS 10 ภายในเดือนกันยายนนี้  iOS 9.3.4 นี้เป็นการแก้ปัญหาเรื่อง Security ต่าง ๆ และแน่นอนออกมาสกัดการ JailBreak ที่เพิ่งเปิดตัวไม่กี่วันก่อนครับ

สำหรับท่านที่ใช้ iOS 9.3.3 ก็สามารถ update กันได้แล้วครับ